หน้าแรก ข่าววันทรงชัย “ผึ้งหลวง” เตรียมกลับบ้านเกิดเพื่อบวชแก้บน หลังคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ

“ผึ้งหลวง” เตรียมกลับบ้านเกิดเพื่อบวชแก้บน หลังคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ

706

ความเคลื่อนไหวของ ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ ที่กลายเป็นแชมป์องค์กรมวยโลกรุ่นแบนตั้มเวต (118 ปอนด์) องค์กรมวยโลก (WBO) คนใหม่ ด้วยการเอาชนะน็อก เอเจ บานัล คู่ชกชาวฟิลิปปินส์ ยก 9 ในการชิงแชมป์ ที่ว่าง ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ผึ้งหลวง เป็นนักชกประวัติศาสตร์คนแรกของไทย ที่เดินทางไปเอาชนะนักมวยฟิลิปปินส์ได้ถึงถิ่น ในการชกแบบมีเข็มขัดแชมป์สถาบันหลักเป็นเดิมพัน และเป็นแชมป์โลกคนที่ 46 ของไทย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ต.ค. เวลา 13.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผึ้งหลวง พร้อมทีมงานได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีทั้ง “บิ๊กซ้ง” นายทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์ใหญ่และผู้จัดการ พร้อมด้วย ส.จ.สัญญา สิงห์อยู่ หัวหน้าคณะ เดินทางไปต้อนรับ โดย ผึ้งหลวง แชมป์โลกวัย 24 ปี กล่าวว่า ขอขอบคุณคนไทยที่ให้กำลังใจเชียร์มาตลอด ซึ่งตนก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะคว้าแชมป์โลกให้ได้ และก็เป็นความจริงในที่สุด ซึ่งชัยชนะในไฟต์นี้สร้างความประทับใจให้ตัวเองมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักมวยเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และจะปรึกษาพ่อกับแม่ เพื่อหารือเรื่องการบวช ตามที่ได้บนเอาไว้ก่อนไปชิงแชมป์โลก

ด้าน “มาดามโอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณ ผู้จัดการของแชมป์โลกชาวไทย เผยว่า ทุกคนดีใจมากที่ผึ้งหลวงทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะฝั่งของนักชกฟิลิปปินส์นั้น กล่าวยอมรับเราว่า เขาสู้ผึ้งหลวงไม่ได้จริงๆ เพราะผึ้งหลวง แกร่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้ และไม่คิดว่าจะขอแก้มืออีก รวมถึงเวลานี้นักมวยฟิลิปปินส์ในรุ่นแบนตั้มเวตที่มีอยู่ ก็สู้ผึ้งหลวงไม่ได้แน่นอน

“เรามีความมั่นใจแต่แรกแล้ว ถึงตัดสินใจเดินทางไปชกที่บ้านเขา เพราะครั้งนี้ ผึ้งหลวง เตรียมตัวไปดีมาก และได้มวยฟิลิปปินส์มาช่วยซ้อมแก้ทางมวย บวกกับการวางแผนที่ดี จึงนำไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการชกครั้งต่อไปนั้น ยังไม่กำหนด แต่ทราบว่ามีทางญี่ปุ่นติดต่อเข้ามา อย่างไรก็ตามคงต้องไปว่ากันในงานประชุมองค์กรมวยโลกประจำปี 2555 ที่ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ซึ่งก็คงจะมีความคืบหน้าให้ทราบกัน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ตนจะเดินทางไปประชุมด้วยตัวเอง” ปริยากร กล่าวทิ้งท้าย.